…..ลูกทั้งหลายเอ๋ย! กลุ่มคนที่มีดวงตาสว่างแล้วนั้น ย่อมเป็นผู้ที่ไม่หลงทาง ย่อมเป็นผู้ที่รู้แล้ว ตื่นแล้ว จากทุกสิ่งทุกอย่าง…..

ลูกทั้งหลายเอ๋ย! ลูกเป็นบุคคลในกลุ่มไหนระหว่าง 3 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1   คือ “คนตาบอด” หมายถึงคนที่มืดบอดในหนทางของตนเอง ไม่รู้ว่าจะไปไหน ไม่เห็นว่ามาจากไหน ชีวิตมืดบอดมองไม่เห็นทาง
กลุ่มที่ 2   คือ “คนที่ตามองเห็นไม่ค่อยชัด” คือเห็นบ้าง รู้บ้าง แต่ไม่ชัดเจน บางทีก็เดาเอาบ้าง
กลุ่มที่ 3   เป็น “คนตาดี” มองเห็นในทุกสิ่งทุกอย่าง เห็นแจ้งเห็นชัดในสรรพสิ่ง

………………………………..

ที่เรียกว่า ”ตาบอด” นั้น คือ ดวงตาแห่งธรรม ดวงตาแห่งดวงจิตที่จะนำพาจิตนั้นไปในสิ่งที่ดีกว่าเดิม ในจุดที่พ้นทุกข์

…………………………………

ลูกทั้งหลาย หากลูกนั้นปรารถนาที่จะมองชัดในหนทาง จงหมั่นขยันที่จะดูว่ามีอะไรเกาะอยู่กับตนบ้าง และหมั่นเช็ดสิ่งต่างๆ ทั้งหลายเหล่านั้นให้หายไปเถิด แล้วลูกจะเป็นผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรมได้อย่างชัดเจน

เมื่อลูกเป็นบุคคลที่มีดวงตาเห็นธรรมได้อย่างชัดเจนแล้ว ลูกจะได้ไม่ต้องลังเลสงสัย ไม่ต้องเป็นทุกข์ เป็นสุข กับสิ่งต่างๆ ทั้งหลาย

จงขวนขวายแสวงหาสิ่งที่ดีเข้ามาค้ำหนุนชีวิตของตนให้ดียิ่งกว่าเดิมเถิด ให้ตาของลูกนั้นสว่างกระจ่างแจ้งเถิด

แสงสว่างอยู่ที่เสียงธรรม แสงสว่างอยู่ที่การภาวนา แสงสว่างอยู่ที่การทำให้จิตของตนนั้นสว่างขึ้นมาจากการมองเห็นความเป็นจริงทั้งหลายทั้งปวง ว่าสิ่งต่างๆ ทั้งหลายนั้น เกิดขึ้นแบบไหน ตั้งอยู่แบบไหน ดับไปแบบไหน

ลูกทั้งหลาย วันนี้ลูกเป็น 1 ในกลุ่มคนระดับไหน? ดวงจิตของลูกมีดวงตาแล้วหรือยัง? หรือยังมืดบอด หรือว่าเห็นแล้วแต่ไม่ขัด หรือว่าเป็นกลุ่มที่เห็นชัดเจนแล้วว่า “กรรม” คือ ความชั่ว และความดีทั้งหลายนั้น เป็นแบบไหน? วัดกันอย่างไร? เห็นโทษเห็นภัย เห็นวิบากทั้งหลายเป็นแบบไหน?

ลูกทั้งหลายเอ๋ย! การที่เรากระทำตนให้แจ้ง ไม่มืดบอดอยู่ในสรรพสิ่งนั้น จึงจะเป็นความสุขที่แท้จริง สุขที่เรารู้แล้ว สุขที่เราเข้าใจแล้ว สุขที่เรานั้นพ้นแล้วจากทุกสิ่งทุกอย่าง
ลูกทั้งหลาย จงกระทำตนนั้นให้แจ้งในจิตของตนเถิด! อย่าต้องเป็นคนที่ตาบอดเลย!  อย่าต้องเป็นคนที่เห็นบ้างไม่เห็นบ้างเลย!
จงหมั่นเช็ดกระจกตาของตนเถิด! ให้สะอาด ให้แจ้งในสรรพสิ่ง เพื่อความพ้นทุกข์แก่ตนเองเถิด    ….สาธุ……

<< การปฏิบัติเป็นพระอรหันต์ แบบที่ ๑ – ๔ >>

…..   แบบที่ ๑

…..   แบบที่ ๒

…..   แบบที่ ๓

…..   แบบที่ ๔

 

…………………………………………………………………………………….

………..ผู้อยู่เหนือโลก..

….การเข้าถึงดวงใจพระพุทธเจ้า

……..เข้าใจคำว่าพระธรรม

  • พระโสดาบัน…
  • การปฏิบัติเพื่อเป็นพระโสดาบัน…
  • รู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นพระโสดาบัน….
  • บรรลุโสดาบันแล้วไม่ถอยหลัง

พระอริยบุคคลขั้นที่ ๑ – ๔
  • พระโสดาบัน
  • พระสกิทาคามี
  • พระอนาคามี
  • พระอรหันต์

      ….พระอรหันต์….

 

 

              .…..สายการปฏิบัติของพระอรหันต์…..

…..สายสุกขวิปัสสโก

…….สายเตวิชโช

……..สายฉฬภิญโญ

..สายปฏิสัมภิทัปปัตโต

รวมสี่สายกลายเป็นหนึ่ง

………………………………………………………………………….


………………………………………………………………………….

<< ด่านพระนิพพาน 3 ขั้น >>

 

 

……………..พระพุุทธองค์เจ้าขา!

หากว่าเราตั้งใจที่จะบำเพ็ญไปให้ถึงพระนิพพาน

เราจะต้องเผชิญผ่านพ้น เจอบททดสอบ…อะไรบ้างหรือเจ้าคะ?

………………………………………………………………………………………………………………………………..

ด่านที่ 1 ก็คือ ความอดทนลูก! อดทนที่จะทำความดี ละต่อการทำความชั่ว สร้างฐานที่มั่นคงให้จิต สร้างหนทางที่จะเปลี่ยนทิศทางชีวิตแห่งดวงจิตตนก่อน

ด่านที่ 2 ก็คือ เรียนรู้กับการทำความดี ทำให้มันถูกต้อง ให้มันตรงทาง ที่ตนนั้นควรจะดำเนินไปให้ถึง ทำให้ถูกเส้นทางที่ควรจะดำเนินไป เปรียบเสมือนเดินทางให้ถูก อย่าเดินหลงเดินวนอยู่บนเส้นทางเส้นนั้นลูก! จึงจะไปถึงจุดมุ่งหมายเป้าหมาย

ด่านที่ 3 คือ เมื่อถึงเป้าหมายแล้ว ก็ต้องสละ ละ วาง ทุกสิ่งทุกอย่างทิ้งไปจากจิตของตน โดยไม่ยึดเส้นทางที่ตนเดินมา ไม่ยึดอะไรทั้งหมดทั้งสิ้น ทำเพียงแค่สักแต่ว่า อย่างผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จิตของลูกก็จะสามารถถึงซึ่งพระนิพพานด้วย 3 ด่านนี้ล่ะ! พระยาธรรม!

ถ้าถึงด่านที่ 3 แล้ว ก็ต้องคลายความยึดติดทั้งหมดลูก! จึงจะเข้าสู่พระนิพพานได้ เช่นนี้ล่ะ! พระยาธรรม! ลูกพอจะเข้าใจบ้างแล้วหรือยังเล่า! จงกล่าวธรรมนั้นมาเถิด พระยาธรรมเอย!

…………………………………………………………………………………………………………

ทางลัดกลับสู่พระนิพพาน

…เคล็ดลับการเป็นพระอรหันต์

นิพพานไปถึงง่ายไม่ยากอะไร

…การก้าวข้ามวัฏสงสาร

….กฎของการข้ามวัฏสงสาร

ข้อสอบชุดสุดท้ายก่อนถึงเส้นชัย